วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แม้นเราจะพรากจากกัน (ตอนที่ 2 เรียนวันแรก)


ตอนที่ 2 เรียนวันแรก


"สวัสดี เธอชื่อ 'ยติ' ใช่ไหม" ผู้หญิงตัวเตี้ยเดินมาทักยติหลังจากเรียนวิชาแรกจบ

"สวัสดี ใช่" ยติต้องใช้เวลาหลายนาทีทีเดียวกว่าจะนึกออกว่าคนนี้คือคนที่มีรหัสต่อจากเธอ

"คงจำไม่ได้ล่ะสิ ว่าพิมอยู่รหัสต่อติ" ใบหน้าที่ดูเหมือนยิ้มอยู่เสมอทำให้คู่สนทนาผ่อนคลายลงได้เยอะ

"เอ่อ ขอโทษที" ยติยิ้มตอบโดยหวังว่าเพื่อนคนใหม่จะไม่โกรธ

"ไม่เป็นไร เราชื่อพิมพิลา เรียก 'พิม' ก็ได้"

"เราชื่อ 'ยติ' เรียกชื่อเต็มเถอะ พอโดนเรียก 'ติ' เฉย ๆ แล้วรู้สึกแปลก ๆ"

"ตามใจ วิชาต่อไปกับเราไหม เราให้เพื่อนจองที่เผื่อไว้แล้ว" ความหวังดีระหว่างเพื่อนใหม่จะมีการตอบสนองแบบไหนนะ

"อืม" ช่างเป็นคำตอบที่สั้นสมกับที่เพิ่งรู้ัจักกันจริงๆ



"พิม ทางนี้" สาวผมบ๊อบใส่แว่นเรียกมาจากหลังห้องสุด

"ทำไมไม่เลือกหน้า ๆ ล่ะ นั่งอยู่นี่แว่นก็มองไม่เห็นสิ" พิมพิลาหันซ้ายหันขวาหวังว่าจะมีที่นั่งอยู่หน้ากว่านี้่

"แว่นมาช้าไปหน่อยน่ะ คนอื่นมาเร็วมากเหลือแต่ที่ตรงนี้ให้น่ะ"

"งั้นวันแรกช่างมันเถอะ" พิมพิลาบอกไปอย่างนั้นก่อนแนะนำเพื่อนให้รู้จักกัน

"นี่แว่นเพื่อนฉันตั้งแต่ตอนรับน้องล่ะ ทางนี้ก็ ยติ คนที่รหัสอยู่หน้าฉันน่ะ" พิมพิลาแนะนำยติให้รู้จักกับแว่นหรือวิลาไล

"สวัสดี" ยติยิ้มทักทาย

"แว่นหยิบชีทมาเผื่อล่ะ อาจารย์บอกว่าพรุ่งนี้จะมีการทดลองเรื่องพืชรักษานะ อ่านรายละเอียดในนี้ด้วย ถ้าทำผิดอาจกลายเป็นสารพิษร้ายแรงได้"

พิมพิลาอ่านรายละเอียดคร่าว ๆ ก่อนหันไปฟังอาจารย์อธิบายเรื่องที่จะเรียนทั้งหมดในเทอมนี้

ยติได้แต่นั่งฟังไปเรื่อย ๆ แต่บรรยากาศในห้องชวนให้เคลิ้มหลับนักสำหรับคนตื่นแต่เช้าเผื่อทำผมให้ทัน




"เที่ยงนี้ ไปกินที่โรงอาหารกลางไหม มีให้เลือกเยอะดี มีอาหารแปลก ๆ ด้วยนะ" พิมพิลาเสนอ

"ไงก็ได้" ยติตามใจเพื่อนเสมอ

"แว่นจะไปหาข้อมูลเรื่องที่จะเรียนพรุ่งนี้ซะหน่อยน่ะ คงไม่ไปด้วย" แว่นบอกอย่างเขิน ๆ ก่อนจะเดินไปทางหอสมุดใหญ่

"ทำไมต้องรีบด้วยละ เราเพิ่งจะมาเรียนเองนะ จะมีสอบเหรอ"

"เปล่าหรอก แต่แว่นเรียนไม่เก่งน่ะ ที่เข้าเรียนที่นี่ได้เพราะฟลุ๊คน่ะ เพื่อนติวให้แบบเข้มสุด ๆ "

"อ้อ"

"เอ เราต้องเดินตรงไปแ้ล้วเลี้ยวขวาใช่ไหม ตึกหลังคาชมพูนั่นหรือเปล่า" พิมพิลาชี้ไปทางขวามือนิด ๆ

"ใช่ ในใบแนะนำมหาวิทยาลัยบอกไว้ว่า โรงอาหารทั้งหมดจะมีหลังคาสีชมพู ถ้าวันไหนเป็นวันพิเศษอาหารจะดีมากแต่ราคาเท่าเดิมและหลังคาจะเปลี่ยนเป็นสีทอง" ยติทวนความจำในสมองจากกระดาษที่ได้มาตอนจ่ายเงินค่าเทอม

"โห จำเก่งจัง มันมีบอกตั้งหลายอาคาร หลากสีอีก" พิมพิลาออกจะทึ่งในเพื่อนคนนี้อยู่เล็กน้อย

"แหะๆ ไปกันเถอะ หิวจะตายละ หวังว่าคนคงไม่เยอะนะ"




โรงอาหารหลังคาสีชมพูใหญ่พอที่จะบรรจุคนได้ 500 คน แต่พอถึงเวลาพักเที่ยงเหมือนจะเล็กลงถนัด

มีร้านอาหารกว่า 20 ร้าน แต่การจะให้คนที่ทานแต่ผักมาตลอดตามคำแนะนำของฤกษณะเลือกนั้นออกจะยากซักหน่อย

"ยติ อยากกินอะไร" พิมพิลาเล็งไว้สองร้านคือ โซบะราดแกงเลียงเคียงปลาทูทอด และ พิซซ่าหน้ากุ้งผัดผงกะหรี่ราดด้วยน้ำแกงเหลือง

"เอ่อ ฉันเลือกร้านมังสวิรัตดีกว่า" ยติพยายามจะเลือกร้านเดียวกับพิมพิลาแต่นึกภาพอาหารแล้วกินไม่ลงจริงๆ

"เหรอ งั้นไปซื้อแล้วเจอกันหน้าตู้กดน้ำนะ จะได้หาที่นั่ง"

"อืม" ยติเหมือนพูดคนเดียวเพราะพิมพิลาเดินไปร้านที่ต้องการแล้ว

กว่าจะได้ที่นั่งเกือบหมดเวลาทานอาหารแล้ว ทั้งคู่ต้องรีบเพื่อให้ชั่วโมงต่อไปไม่สาย มันเป็นชั่วโมงแรกนี่นาใครจะอยากเดินเข้าห้องไปโดยเป็นเป้าสายตาล่ะ




"ทำไมตอนรับน้อง ยติไม่มา่ล่ะ" ออกจะเป็นคำถามยุ่งเรื่องคนอื่นไปหน่อยสำหรับคนเพิ่งรู้จักกัน

"หือ"

"แว่นถามไปงั้นแหละ ถ้ายติไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะ แต่พิมกับแว่นก็เป็นห่วงคนไม่ได้มารับน้องน่ะ" พิมพิลาแก้ตัวให้เพื่อนสุดๆ

"ไม่เป็นไร เราไม่ค่อยชอบการกระทำเวลารับน้อง คิดว่าไม่มาน่ะดีแล้ว"

"การกระทำเวลารับน้อง ยังไงล่ะ" แว่นถามด้วยแววตาใสซื่อ

"จะอธิบายยังไงดีล่ะ รับน้องกันหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ เลยใช่ม่ะ แถมให้ค้างในวันสุดท้ายอีก"

"มันก็ใช่นะ แต่ค้างคืนเดียวเอง" พิมพิลาไม่ค่อยเข้าใจเพื่อนใหม่คนนี้เท่าไหร่

"แต่การให้ไปยืนฟังพี่บ่น ด่า หรือให้ทำอะไรที่มันเป็นการลงโทษโดยไม่สมเหตุสมผล มันเป็นการกระทำที่เด็กมีการศึกษาไม่ควรทำ"

"ยติคิดเป็นผู้ใหญ่จัง แว่นว่าเราคิดแบบเด็ก ๆ ใช้ชีวิตช่วงนี้แบบเด็ก ๆ ดีออกนะ"

"เหรอ เราไม่ค่อยชอบชีวิตที่อยู่ไปแบบขาดทุนน่ะ"

"แต่เรามีแค่เวลาสั้น ๆ นะที่จะเป็นเด็ก พอเราเรียนจบก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ ใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยกลเล่ห์เพทุบาย คำโกหกเพื่อเงิน การเสแสร้งเพื่อเอาหน้า หรือการกระทำอื่น ๆ " พิมพิลาไม่เห็นด้วยกับที่ยติพูด

"อืม มันก็แล้วแต่จะคิดนะ"

ทั้งสามต่างเงียบ แล้วตั้งใจเรียนกันต่อ



"ยติ เย็นนี้พวกเราว่าจะไปหลังมอน่ะ ไปด้วยกันไหม" พิมพิลาเอ่ยปากชวนหลังจากชวนเพื่อนคนอื่นในชั่วโมงเรียนที่ผ่านมา

"ขอบใจแต่เรามีธุระต้องไปทำน่ะ ไว้คราวหน้านะ"

"ได้ แล้วแต่เธอ"

ยติเดินหาที่นั่งหน้าคณะเพื่อจะได้อ่านโน้ตเมื่อเช้า แต่ทำไมคนหน้าคณะเยอะอย่างนี้นะ ยติเดินวนสองรอบยังหาที่ว่างไม่ได้ จำต้องเดินอ้อมไปด้านหลังสวนน้ำซึ่งเป็นที่ออกกำลังการสำหรับนักศึกษาทั้งหลาย และไกลเป็นกิโลได้ล่ะมั้ง

"โธ่เอ้ย ทำไมฉันต้องเดินมาอ่านซะไกลขนาดนี้นะ" นิสัยชอบพูดออกเสียงกับตัวเองทำให้คนได้ยินเข้าใจผิดมาหลายครั้งแล้ว

แต่นี่เป็นครั้งแรกนี่นาที่ฤกษณะไม่พูดออกมาจากปาก เหมือนมันเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้

ยติที่เป็นเพื่อนซี้ก็ต้องรักษาความลับให้เพื่อนอยู่แล้ว


ยติ เย็นนี้ฤกษณะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ถ้ายังไงกลับไปรอที่บ้านนะ ฉันจะแวะไปหาหลังจากทำงานเสร็จ จะรีบไปหาให้เร็วที่สุด อีกอย่าง ฉันเตรียมข้าวเย็นไว้ให้เธอแล้ว กลับไปกินที่บ้านซะ

ยติ อ่านข้อความนั้นหลายครั้ง โดยหวังว่าเธออาจจะอ่านผิดตรงไหนซักแห่งหรือเปล่า และเรื่องสำคัญมากหรือไงถึงต้องบอกชื่อตัวเองด้วยว่าจะคุย

"นายฤกษณะ นายเป็นแม่ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เขียนอย่างกับสั่งลูกก่อนออกไปทำธุระตอนเย็นแล้วจะกลับดึกงั้นแหละ" บ่นไปยิ้มไปตามประสา แต่คนอื่นที่เห็นเธอพูดคนเดียวคงคิดว่า โรคประสาท แน่ ๆ


ผู้แต่ง..
เริ่มสนุกขึ้นหรือยังคะ

คราวนี้จะไม่พูดมากแล้วค่ะ (^=^)

มาอ่านตอนที่ 3 กันเถอะ
http://health-adoxy.blogspot.com/2009/11/3.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น