วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แม้นเราจะพรากจากกัน (ตอนที่ 4 นี่มันโลกไหนกันเนี่ย)

"โอ๊ยย นี่มันที่ไหนกันเนี่ย" ยติบ่นไปเดินไปรอบห้องไม่รู้กี่ครั้ง ก็เล่นตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงสี่เสาแต่งลายสวยงามเหมือนเป็นเจ้าหญิงในนิยายยังงั้นแหละ แถวชุดนอนที่ใส่มัน... มันเหมือนคุณหนูสุด ๆ ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเธอเลย ชุดนอนลายกระต่ายน้อยน่ารักมีระบายอย่างนี้ ยติเคยใส่ที่ไหนกัน

ผนังหัองที่เป็นหินขาววาดลายดอกไม้เข้ากับพื้นหินอ่อน ทั้งห้องแทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงสี่เสาและโต๊ะวางอ่างใส่ดอกมะลิ มันเป็นอ่างจริง ๆ นะ คล้าย ๆ อ่างประดับที่ไว้ลอยเทียนยามค่ำคืน

อ่างมะลินี้เอาไว้ทำอะไรนะ หวังว่าคงไม่ได้ให้เธอกินน้ำในนี้นะ ใช่ถึงมันจะสะอาดพอที่จะกิน สวยงามพอที่จะเชิญชวนดื่ม แต่นี่มันที่ไหนก็ไม่รู้ ยติคงไม่ใช่คนโง่พอที่จะแตะต้องของคนแปลกหน้าหรอกนะ

"กริ้ก"

"เอ๊ะ ใครน่ะ"

"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนู"

ยติอดสงสัยไม่ได้ว่า ชายหนุ่มถือถาดแก้วใส่อาหารเช้าคนนี้เป็นดาราจากไหนกันแน่ แล้วสถานที่นี้กำลังแสดงละครกันอยู่หรือไง ก็ชายหนุ่มใส่ชุดขาวเหมือนชุดจีนที่แสดงหนังเลยนี่นา ทั้งนัยน์ตาดำขลับ ดวงตากลมโตรับกับใบหน้าที่ออกทางจีนนิด ๆ ลักษณะที่ดูมั่นคงเอื้อให้นึกถึงกล้ามเนื้อภายในชุดขาวนั้นจะเป็นมัดเรียงกันสวยขนาดไหน

"ทานอาหารเช้าเลยไหมครับ หรือจะล้างหน้าก่อน ข้าจะช่วยท่านเอง"

ไอ้คำพูดเหมือนคนรับใช้นี่มันอะไรกันละ แล้วคำถามเมื่อกี้... ฉันเป็นผู้หญิงนะจะให้หนุ่มหล่อคนนี้มาช่วยล้างหน้าแต่งตัวให้หรือ มันออกจะเกินไปหน่อยมั้ง

"ที่ไหนเนี่ย แล้วกำลังเตรียมแสดงละครเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ" แทนที่จะได้คำตอบกลับเป็นคำถามกลับมาซะนี่

"คุณหนูคงยังสับสนเรื่องราวที่เกิดขึ้นสินะครับ" รอยยิ้มส่งมาจากใบหน้าที่งดงามทำให้สาว ๆ เคลิ้มได้นานอยู่ แต่ไม่ใช่กับยติคนนี้หรอก

"เปล่า ฉันแค่อยากรู้ว่าที่นี่น่ะมันที่ไหน"

"ปราสาททางตะวันออกของนครวารีครับ" ผ้าเช็ดหน้าแช่อยู่ในอ่างมะลิถูกบิดให้หมาดแล้วยื่นให้เช็ดหน้า

ยติเช็ดหน้าไปคิดไป การจะลำดับชื่อเมืองต่าง ๆ ที่เคยได้ยินมาเพื่อเอามาเทียบกับที่ได้ยินเมื่อสักครู่ต้องใช้เวลานานอยู่

"นครอะไรนะ" ยติเริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ต้องถามกลับไปอีกครั้ง

"นครวารี"

ชัดเจน แจ่มแจ๋ว 'นครวารี' แต่ก็ทบทวนหลายรอบแล้วนะ ในโลกที่ฉันอยู่มันมีชื่อเมืองแบบนี้ด้วยเหรอ

"คุณหนู ทานอาหารเช้าก่อนเถอะครับ"

คิดว่าอาหารเช้าจะเหมือนกัน ที่ไหนได้ อันนี้มัน... อันนี้มันอะไรกันเนี่ย....

ถ้วยกลม ๆ ใส่น้ำสีแดงสดนั่นอะไรน่ะ น้ำสีแดงนั้นคือ เลือด น้ำแดง น้ำมะเขือเทศ หรืออะไร

แผ่นสีขาวคล้ายขนมปังมีฟองปุด ๆ มันอยู่บนกระทะหรือยังไง ทำไมเหมือนมีน้ำเดือดอยู่บนแผ่นนั้น

แล้วยังกลุ่องสี่เหลี่ยมจตุรัสสีเขียวสดนั่นอีกล่ะ เอาไว้ประดับเฉย ๆ เหรอ

"เอ่อ นายจะให้ฉันกินของพวกนี้จริง ๆ เหรอ" ยติพยายามจะถามให้แน่ใจก่อนลงมือ

"ผมชือ 'ปิโย' ครับ และใช่สิครับนี่เป็นอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมของที่นี่นะครับ" ปิโยออกจะแปลกใจที่เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักอาหารพวกนี้

"แล้วน้ำสีแดงในถ้วยกลม ๆ นั่นคือน้ำอะไรน่ะ"

"น้ำจากแม่น้ำหลักของเมือเราครับ มันช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่พวกเราได้ทั้งวัน แต่ถ้าทานมากไปจะทำให้เกิดภาวะเกินจำกัดครับ"

"หือ มากไปแค่ไหน"

"เกินหนึ่งถ้วยกลมครับ" ปิโยอธิบายไปเกลี่ยน้ำบนแผ่นขาว ๆ ให้ทั่ว ตัดเป็นชิ้นพอดีคำแล้วส่งให้ชิม

"นี่อะไรน่ะ" การระวังตัวบวกกับความอยากรู้อยากเห็นเข้ามาบดบังความมีมารยาทในตัวยติหมดแล้ว

"แผ่นแป้งครับ"

"..." ทำเอายติอึ้งไปนิดหนึ่ง

"ทำไมหรือครับ"

"เอ่อ ฉันรู้ว่ามันคล้ายแผ่นแป้ง แต่ชื่อเฉพาะหรืออะไรเนี่ยไม่มีเหรอ"

"หึหึ คุณหนูฉลาดออกนี่ครับน่าจะคิดเองได้"

"..."

"ทานเถอะครับ ถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ" มือคู่สวยป้อนอาหารให้ตรงหน้าใครจะทำหยิ่งไม่รับได้ล่ะ ส่วนเรื่องย้อนด่า(เหมือนจะใช่นะ) ช่างมันก่อนก็ได้

เมื่อมีคนสวยขนาดนี้ป้อนอาหารให้ตลอดใครจะปฏิเสธลงล่ะ อ่ะเค้าเป็นผู้ชายนะแต่สวยมาก ถ้าไปเป็นดารานี่ยอดนิยมในพริบตาแน่

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ อีกซักครู่จะเอาชุดมาให้เปลี่ยน"

"อ่ะ" ยติพยายามจะเรียกแต่สายไปแล้วล่ะ คนสวยคนนั้นเดินออกจากประตูไปแล้ว ถึงมันจะไม่เหมือนประตูเท่าไหร่ก็เถอะ เล่นเดินผ่านไปเฉย ๆ นี่นา

"อะไรกันเนี่ย ทำไมฉันเดินผ่านไปไม่ได้ล่ะ แล้วยังไม่ได้ตอบเลยว่าที่นี่มันเป็นอะไร โลกใหม่เหรอ หรือโลกคู่ขนานกับโลกฉัน หรือฉันเดินข้ามมิติมา"

ความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัวยติ ทำเอาเจ้าตัวเวียนหัวใช่น้อย การเิดินกลับที่นอนต่อที่เตียงให้ความคิดหาย ๆ ไปบ้างเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น